เงินทุนประกอบอาชีพจากกองทุนผู้งสูงอายุ
หลักเกณฑ์การกู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพจากกองทุนผู้สูงอายุ
1.
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้สูงอายุกู้ยืม
เป็นทุนประกอบอาชีพ เป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม
2. ลักษณะการให้การกู้ยืม
ให้ผู้สูงอายุกู้ยืม
เป็นทุนประกอบอาชีพ เป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม
3. วิธีการให้การกู้ยืม
ให้ผู้สูงอายุได้กู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพ โดย
3.1 กู้ยืมเป็นรายบุคคลได้คนละไม่เกิน
30,000 บาท
3.2 กู้ยืมเป็นรายกลุ่มๆละไม่น้อยกว่า
5 คนได้กลุ่มละไม่เกิน 100,000 บาท
ทั้งนี้ ให้ชำระคืนเป็นรายงวด ภายในระยะเวลาไม่เกิน
3 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย
4.
คุณสมบัติของผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกัน
ผู้สูงอายุที่ต้องการขอรับเงินทุนประกอบอาชีพจากกองทุนผู้สูงอายุ ต้องมีอายุเกิน
60 ปีขึ้นไป และมีสัญชาติไทยที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนด้านเงินทุนประกอบอาชีพ
โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากแหล่งทุนอื่น หรือได้รับแต่ไม่เพียงพอ และมีคุณสมบัติดังนี้
ก. คุณสมบัติผู้กู้ยืม
1. สามารถประกอบอาชีพได้
2. มีแผนงานหรือโครงการประกอบอาชีพที่เหมาะสม
3. กรณีกู้ยืมรวมกลุ่มประกอบอาชีพ (กลุ่มละไม่น้อยกว่า 5 คน) ต้องมีคุณสมบัติตาม 1, 2, 3 และต้องมีการจัดโครงสร้างกลุ่ม ประกอบด้วย
(ก) มีรายชื่อกรรมการกลุ่ม
(ข) รายชื่อสมาชิกกลุ่ม
(ค)
มีแผนงาน/โครงการการประกอบอาชีพที่กระทำรวมกันเป็นกลุ่ม
(ง)
หนังสือรับรองจากองค์กรของผู้สูงอายุ/องค์กรภาคเอกชน/หน่วยงาน
ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
4. กรณีผู้กู้ยืมมีคู่สมรส
ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสด้วย
หากผู้ขอกู้รายใดไม่ผ่านการพิจารณาเนื่องจากคุณสมบัติผู้กู้ไม่ผ่านเกณฑ์,
รายได้เกินเกณฑ์ และกู้ผิดวัตถุประสงค์
จะสามารถส่งมาใหม่ได้หลังจากผ่าน 6 เดือนมาแล้ว
นับจากวันที่คณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุพิจารณา
ข. คุณสมบัติผู้ค้ำประกัน
– กรณีให้กู้ยืมเป็นรายบุคคล
ผู้กู้ต้องหาบุคคลที่น่าเชื่อถือจำนวน 1 คน เป็นผู้ค้ำประกัน เช่น
เป็นผู้ที่มีอาชีพมั่นคง รายได้แน่นอน
มีหลักฐานแสดงรายได้และการประกอบอาชีพ (หนังสือรับรอง
สมุดบัญชีธนาคารที่มียอดหมุนเวียนเข้าทุกเดือนอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไปที่ยืนยันการมีรายได้ของผู้ค้ำประกัน)
มีที่อยู่อาศัยที่แน่นอนตรวจสอบได้โดยมีภูมิลำเนาเดียวกันกับผู้ขอกู้ยืม และไม่เป็นผู้ค้ำประกันให้บุคคลอื่นที่ขอกู้ยืมเงินจากกองทุนผู้สูงอายุหรือไม่เป็นผู้ที่กู้ยืมด้วยกันเอง
– กรณีให้กู้ยืมเป็นรายกลุ่ม
สมาชิกในกลุ่มที่ต้องการกู้ยืมเงิน ต้องจัดหาผู้ค้ำประกันตามจำนวนผู้กู้ยืม
โดยต้องเป็นผู้ที่มีอาชีพมั่นคง รายได้แน่นอน มีหลักฐานแสดงรายได้และการประกอบอาชีพ
(หนังสือรับรอง สมุดบัญชีธนาคารที่มียอดหมุนเวียนเข้าทุกเดือนอย่างน้อย 3
เดือนขึ้นไป หรือ บัญชีสหกรณ์ทั่วไป ที่ยืนยันการมีรายได้ของผู้ค้ำประกัน)
และมีที่อยู่อาศัยที่แน่นอนตรวจสอบได้ ไม่เป็นผู้ค้ำประกันให้บุคคลอื่นที่ขอกู้ยืมเงินจากกองทุนผู้สูงอายุหรือไม่เป็นผู้ที่กู้ยืมด้วยกันเองและต้องรับผิดชอบลูกหนี้ร่วมกัน
–
กรณีผู้ค้ำประกันมีคู่สมรส
ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสด้วย
–
ผู้ค้ำประกันต้องมีภูมิลำเนาเดียวกันกับผู้ขอกู้ยืม
5. วงเงินที่กองทุนผู้สูงอายุให้การสนับสนุน
5.1
รายบุคคล อนุมัติเงินกู้ยืมตามความเหมาะสม
รายละไม่เกิน30,000 บาท
5.2
รายกลุ่ม กลุ่มละไม่น้อยกว่า 5 คน อนุมัติเงินกู้ยืมตามความเหมาะสม กลุ่มละไม่เกิน 100,000 บาท
ทั้งนี้ การพิจารณาอนุมัติคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ด้วย
6. เอกสารประกอบการกู้ยืม
6.1
กรณีให้กู้ยืมเป็นรายบุคคล ประกอบด้วย
(ก) สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขอกู้ยืม
(ข) สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ค้ำประกัน
(ค) ประมาณการค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพ /
แผนผังการประกอบอาชีพ,ที่อยู่อาศัย
(ง) หนังสือรับรองเงินเดือน/สลิปของผู้ค้ำประกัน
(เว้นแต่เกษตรกร)
(จ) หนังสือยินยอมคู่สมรส ผู้ขอกู้และผู้ค้ำประกัน (หากมี)
(ฉ) หนังสือสัญญาเช่าบ้าน (ในกรณีที่ผู้กู้เช่าบ้านอยู่)
6.2 กรณีให้กู้ยืมเป็นรายกลุ่ม ประกอบด้วย
(ก) สำเนาบัตรประชาชน
(ข) สำเนาทะเบียนบ้าน
(ค) โครงการประกอบอาชีพของกลุ่ม
(ง) หนังสือสัญญาเช่าบ้าน (ในกรณีที่ผู้กู้เช่าบ้านอยู่)
(จ) สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ค้ำประกัน
(ฉ) หนังสือรับรองเงินเดือนของผู้ค้ำประกัน (เว้นแต่เป็นเกษตรกร)
(ช) หนังสือยินยอมคู่สมรส (หากมี)
7. การทำสัญญากู้ยืมเงิน
– หากผู้กู้ได้รับการอนุมัติให้กู้ยืมเงิน ทางสำนักส่งเสริมและพิทักษ์ผู้สูงอายุ
หรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด
(ตามสถานที่ที่ผู้กู้ได้ยื่นกู้) แจ้งให้ผู้กู้และผู้ค้ำประกัน
หรือกลุ่มประกอบอาชีพของผู้สูงอายุ มาทำสัญญากู้ยืมเงิน และสัญญาค้ำประกัน
ถ้าไม่มาทำสัญญาภายใน 30 วัน นับแต่วันที่แจ้งให้ทราบ
ให้ถือว่าการกู้ยืมเงินในครั้งนั้น เป็นอันสละสิทธิ์/ยกเลิก หากเป็นส่วนภูมิภาคจะต้องแจ้งให้กองทุนผู้สูงอายุทราบด้วย
ว่ามีผู้ผ่านการอนุมัติใดที่ไม่มาทำสัญญาภายใน 30 วัน เพื่อแจ้งผลการยกเลิกให้กับผู้กู้ทราบต่อไป
8. การชำระคืนเงิน
ให้ผู้กู้ส่วนภูมิภาคผ่อนชำระตามสัญญา
ณ สำนักส่งเสริมและพิทักษ์ผู้สูงอายุหรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือทางธนาณัติ
(ตามที่สถานที่ที่ผู้กู้ได้ยื่นขอกู้) ภายในระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันที่รับเงินกู้ โดยไม่มีดอกเบี้ย
ให้ชำระคืนเป็นรายงวดทุก 30 วัน ภายในวันที่ 5 ของทุกๆ เดือน หรือไม่เกินวันที่
15 ในเดือนนั้น ๆ
เมื่อผู้กู้ได้ชำระเงินกู้เป็นรายงวดแล้ว
จะได้รับหลักฐานการรับเงินทุกครั้ง หากไม่ได้รับหลักฐานการรับเงินให้แจ้งมาที่
กลุ่มกองทุนผู้สูงอายุ
สำนักส่งเสริมและพิทักษ์ผู้สูงอายุ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก
เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ
ที่ตั้ง เลขที่ 618/1 ถนนมักกะสัน
เขตราชเทวี
กรุงเทพ 10400
เบอร์โทรศัพท์ 02255 -5850-9 ต่อ 287 และ 289 โทรสาร
02253-9115
9. สถานที่ติดต่อขอรับการกู้ยืมเงิน
–
ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นที่สำนักส่งเสริมและพิทักษ์ผู้สูงอายุ
– ในส่วนภูมิภาค
ให้ยื่นที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด